บทที่ 7 - ตั้งครรภ์กับลูกสุนัขของเขา!
มุมมองของเบลซ
ข้ากำปิ่นปักผมของนางแน่นขึ้น มองดวงตะวันค่อยๆ ไต่ระดับสูงขึ้นบนท้องฟ้า “รอหน่อยนะ เอลาร่า เบนเน็ตต์ ข้ากำลังจะไปหาเจ้า”
“นายท่าน” ทหารยามคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างหอบหายใจ
“มีอะไร?!” ข้าตวาด
“ข้าไปตรวจสอบมาแล้ว เอลาร่า เบนเน็ตต์ ถูกแม่เลี้ยงของนางเนรเทศออกไปพ่ะย่ะค่ะ” เขากล่าวจบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ว่าไงนะ!? ถูกเนรเทศ?” ข้าทวนคำ หัวใจเต้นรัว
ดาว ดาว ดาว ดาว ดาว ดาว ดาว
มุมมองของเอลาร่า
สายลมคำรามลั่นลอดหมู่ไม้ กัดกินเนื้อผ่านเศษผ้าขาดวิ่นของชุดเดรสขณะที่ฉันดันแผ่นหลังพิงกับเปลือกไม้หยาบกร้านของต้นโอ๊กโบราณ ลมหายใจของฉันหอบกระเส่า แต่ละครั้งช่างตื้นและแหลมคม อกของฉันบีบรัดขณะหอบหายใจ
ฉันบีบตาแน่น เพ่งสมาธิไปยังเสียงแห่งราตรี สู่เสียงกระซิบในสายลมที่พัดพากลิ่นของผู้ไล่ล่ามาด้วย
หมาป่านินจา
เงียบงัน ร้ายกาจ ไร้ร่องรอย
ฉันมองไม่เห็นพวกมัน แต่ฉันรู้สึกถึงพวกมันได้ น้ำหนักแห่งการมีอยู่ของพวกมันเลื้อยเลาะผ่านแมกไม้ บีบรัดอากาศด้วยความนิ่งสงัดที่น่าขนลุกและเฝ้ามอง พวกมันไม่ได้กำลังไล่ล่าฉัน... ยังไม่ใช่ พวกมันกำลังหยอกล้อกับฉัน ปล่อยให้ฉันรู้ว่าพวกมันอยู่ตรงนั้น
รอคอยให้ฉันพลาดพลั้ง
แต่ฉันจะไม่ยอม
ขาสั่นระริกอยู่ใต้ร่างฉัน การวิ่งหนีอย่างไม่หยุดหย่อนมาหลายวันเริ่มส่งผลกระทบ กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกายกรีดร้องโหยหวนขอการพักผ่อน ผิวหนังของฉันถลอกปอกเปิกจากกิ่งไม้และก้อนหิน ท้องของฉันกลวงโบ๋ด้วยความเจ็บปวด ความหิวโหยกัดกินฉัน บิดมวนราวกับสัตว์ร้ายที่เกรี้ยวกราด และภาพที่เห็นก็พร่ามัวที่ขอบ
ฉันหยุดไม่ได้
ฉันจะไม่หยุด
เพราะถ้าฉันหยุด ฉันต้องตาย
หนึ่งสัปดาห์ก่อน ฉันเคยมีบ้าน... แม้มันจะโหดร้ายก็ตาม หนึ่งสัปดาห์ก่อน ฉันเคยมีตัวตน มีที่ทาง แม้จะเป็นตำแหน่งต่ำสุดของฝูงก็ตาม
ฉันคือเอลาร่า ผู้ไร้หมาป่า เป็นแค่คนไร้ตัวตน
แต่ตอนนี้ ฉันเป็นอย่างอื่นไปแล้ว
ถูกตีตรา ถูกผูกพันธะ ถูกเนรเทศ
นิ้วมือของฉันยกขึ้นสัมผัสผิวหนังอ่อนไหวที่ลำคอ ลูบไล้เหนือจุดที่คมเขี้ยวของเขาฝังลึกลงมา ที่ซึ่งรอยอ้างสิทธิ์ของเขายังคงแผดเผาไปถึงกระดูก ฉันสะดุ้งเมื่อนึกถึงความทรงจำนั้น... ริมฝีปากของเขาที่ไล้ไปตามผิวของฉัน
เบลซ
ชื่อของเขาเป็นทั้งคำสาปและคำภาวนาในใจฉัน เป็นน้ำหนักที่ฉันสลัดไม่หลุดไม่ว่าจะวิ่งหนีไปไกลแค่ไหน
ฉันเห็นเขาในความมืดมิดหลังเปลือกตา... ร่างกายของเขาที่สั่นสะท้านอยู่ใต้มือของฉัน รุ่มร้อนและสิ้นหวัง ลมหายใจของเขาที่ขาดห้วงยามกระซิบชื่อฉัน เสียงของเขาที่แหบพร่า แตกสลาย ริมฝีปากของเขาที่ฉกชิงริมฝีปากฉัน ชอกช้ำ ต้องการ ราวกับว่าฉันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ฉันบอกตัวเองว่ามันเป็นความผิดพลาด
ว่ามันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
ว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น
ไม่มีพันธะ ไม่มีแรงดึงดูด มีเพียงอาการเพ้อคลั่งจากความป่วยไข้ของเขาที่บิดเบือนความจริง ทำให้เขาเข้าใจผิดว่าฉันเป็นคนอื่น
ฉันเคยเชื่อเช่นนั้น
แต่ตอนนี้ ขณะที่ฉันหมอบตัวอยู่ที่นี่ท่ามกลางใบไม้ชื้นแฉะที่เน่าเปื่อย หัวใจเต้นรัวในอกราวกับกลองศึก ฉันกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ฉันรู้สึกถึงเขา
ไม่ใช่แค่ความทรงจำจากสัมผัสของเขา ไม่ใช่แค่เงาของกลิ่นกายเขาที่ยังติดอยู่บนผิว แต่เป็นอะไรที่มากกว่านั้น
บางสิ่งที่... เป็นของจริง
ดั่งเส้นด้ายที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ กำลังดึงรั้งอยู่ที่ขอบความคิดของฉัน
อกของฉันบีบแน่น
ทำไมกัน?
เสียงเป๊าะแหลมดังสะท้อนก้องในหมู่ไม้ เสียงกิ่งไม้แห้งเปราะที่หักลงใต้ฝ่าเท้า
ใกล้เกินไป
ความตื่นตระหนกพุ่งพล่านในตัวฉัน ผลักดันให้ฉันเคลื่อนไหว
ฉันออกวิ่งสุดฝีเท้า เคี่ยวเข็ญร่างกายให้ก้าวข้ามขีดจำกัด
กล้ามเนื้อของฉันกรีดร้อง ราวกับไฟเลียลามไปทั่วเส้นเลือดในทุกย่างก้าวที่เจ็บปวด ปอดของฉันแผดเผา สูดอากาศที่รสชาติเหมือนดินชื้นและความกลัวเข้าไปเต็มปาก
พวกหมาป่านินจาเร็วกว่า
ฉันไม่ได้ยินเสียงพวกมัน แต่ฉันรู้ว่าพวกมันอยู่ตรงนั้น เคลื่อนผ่านเงาราวกับภูตผี
เสียงหอนกรรโชกแหวกความมืดมิดยามค่ำคืน ลึกและแหบห้าว
เสียงนั้นกระแทกเข้ากลางอกฉัน ส่งความหวาดกลัวเย็นเยียบแทงทะลุซี่โครง
พวกมันอยู่ใกล้แล้ว
พวกมันกำลังล่าฉัน
เกมไล่จับระหว่างแมวกับหนู และฉันคือหนู
โลกรอบตัวเอียงกระเท่เร่ ภาพที่เห็นตีบแคบลง ร่างกายของฉันกำลังจะล้มเหลว
ฉันสะดุด เกือบจะคว้าตัวเองไว้กับก้อนหินขรุขระได้ทัน นิ้วของฉันจิกลงไปในหินหยาบ เล็บฉีกขาดขณะที่ฉันพยายามทรงตัวให้ตั้งตรง
ขยับสิ ขยับไปสิวะ
แต่ร่างกายของฉันไม่ยอมเชื่อฟัง
ลมหายใจสั่นเทาหลุดจากร่างฉัน และแล้ว...
ฉันก็เห็นมัน
รอยสัญลักษณ์สีแดง
จางๆ แต่เต้นเป็นจังหวะอยู่บนผิวฝ่ามือของฉัน ราวกับมีบางสิ่งมีชีวิตอยู่ใต้พื้นผิว
ลมหายใจของฉันสะดุด
นี่มันบ้าอะไรกัน?
นิ้วของฉันสั่นเทาขณะไล้ไปตามลวดลายที่หมุนวน ความสับสนบิดมวนในกายราวกับคมมีด ฉันไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน ไม่เคยได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้เลย
และแล้ว...
ส่วนลึกในตัวฉันกลับรับรู้
ความจริงกระแทกเข้าใส่ฉันอย่างจัง จนแทบหยุดหายใจ
รอยสัญลักษณ์สีแดง
รอยสัญลักษณ์ของหมาป่า
ทุกสิ่งภายในตัวฉันเข้าที่เข้าทาง ความจริงอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่อาจปฏิเสธได้ถาโถมเข้าใส่ราวกับพายุ
ฉันรู้ว่านี่คืออะไร
ฉันรู้ว่ามันหมายความว่าอะไร
รอยสัญลักษณ์ของคู่แท้
รอยสัญลักษณ์ที่จะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อผู้หญิงคนนั้นทั้งถูกผูกพันธะ... และกำลังตั้งท้องลูกของคู่ของเธอ
โลกรอบตัวเอียงวูบ
ลมหายใจของฉันแตกสลาย
ไม่
ไม่ ไม่ ไม่ มันเป็นไปไม่ได้
มือของฉันยกขึ้นกุมท้องสั่นเทา
มันเพิ่งผ่านไปแค่คืนเดียว
เบลซกับฉัน... เราไม่ใช่คู่กันด้วยซ้ำ มันไม่มีอะไรเลย
ยกเว้น...
ยกเว้นพันธะที่ฉันรู้สึกได้ในตอนนี้ ความร้อนที่ท่วมท้นในอก พันรอบซี่โครงของฉันราวกับโซ่ที่มองไม่เห็น แรงดึงดูดที่ไม่อาจปฏิเสธได้
เสียงสะอื้นหลุดจากลำคอขณะที่ฉันขยุ้มคอเสื้อของตัวเอง กระชากมันลงอย่างสิ้นหวัง ต้องการข้อพิสูจน์
และตรงนั้น... เหนือหัวใจของฉัน...
รอยสักรูปหมาป่า
รอยสัญลักษณ์ของคู่
ความจริงที่ฉันไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป
“เบลซคือคู่ของฉัน...?”
ถ้อยคำนั้นเป็นเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาที่เลือนหายไปกับสายลม หัวเข่าของฉันอ่อนพับ พื้นดินเย็นเยียบเลื่อนขึ้นมารับร่างที่ทรุดลงสั่นเทา
แต่ไม่มีเวลาแล้ว
การมีอยู่ของบางสิ่งปรากฏขึ้นเหนือร่างฉัน
มืดมน หนักอึ้ง เป็นนักล่า
หมาป่านินจาตัวหนึ่งก้าวออกจากเงา ดวงตาเรืองแสงของมันจับจ้องมาที่ฉันราวกับคมมีดที่จ่ออยู่ตรงลำคอ ริมฝีปากของมันแยกออกคำราม เขี้ยวขาววับภายใต้แสงจันทร์
ความเย็นเยียบแล่นไปทั่วเส้นเลือด
ฉันบังคับตัวเองให้ลุกขึ้น ยืนโซเซ
ฉันต้องวิ่ง
ฉันต้องรอด
เพราะตอนนี้ มันไม่ใช่แค่ชีวิตของฉันที่ตกอยู่ในอันตราย
แต่เป็นชีวิตลูกของเขาด้วย... ทายาทของอัลฟ่า
และฉันจะไม่มีวันยอมให้พวกมันพรากสิ่งนั้นไปจากฉัน
